วันที่ 1 เมษายน 2555 เป็นวันครบรอบสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ 120 ปี ในโอกาสนี้ กระทรวงศึกษาธิการภายใต้การบริหารงานของ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มุ่งพัฒนาการศึกษาภายใต้กรอบแนวคิดหลักของคุณภาพและความเท่าเทียมกัน รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักเรียนนักศึกษาเป็นสำคัญ โดยการขยายโอกาสทางการศึกษา 4 ด้าน คือ 1) โอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร สิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อให้สามารถได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน 2) โอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน นักเรียนนักศึกษาสามารถเข้าเรียนได้ โดยไม่ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ปกครอง 3) โอกาสในการเพิ่มพูนและฝึกฝนทักษะ นักเรียน นักศึกษาทุกคนสามารถเติบโตได้ในโลกเป็นจริงผ่านการเรียนรู้บนฐานกิจกรรม และ 4) โอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยใช้เทคโนโลยี สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ ศูนย์วัฒนธรรมและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และกำหนดให้มี 7 ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการศึกษา ในช่วง พ.ศ.2555-2558 โดยจะดูแลผู้เรียนดุจลูกหลาน ดูแลครูคณาจารย์ และข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาดั่งญาติพี่น้อง และบริหารจัดการทุกระดับอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ ไม่มีการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ซึ่ง 1 ใน 7 ของยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการมีที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา คือ ยุทธศาสตร์ที่ 3 "การปฏิรูปครูเพื่อยกฐานะครูและวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง" โดยมีเรื่องที่ต้องดำเนินการที่สำคัญ 4 เรื่อง คือ 1) การปรับปรุงระบบเงินเดือนและค่าตอบแทน 2) การพัฒนาระบบความก้าวหน้าของครู 3) การจัดระบบการศึกษาและฝึกอบรมครูอย่างเข้มข้น และ 4) การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สร้างโอกาสให้ครู เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถและมีความก้าวหน้าในวิชาชีพ เน้นการปฏิรูปครูเพื่อยกฐานะครูและวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง ลดกฎระเบียบและงานนอกเหนือการเรียนการสอนของครู ขจัดการเรียกร้องเงินทองจากครูในการแต่งตั้ง โยกย้าย กฎเกณฑ์การประเมินครูต้องชัดเจน ลดการ ใช้ดุลพินิจ และลดการให้ครูเป็นหนี้
สำนักงาน ก.ค.ศ. ซึ่งเป็นองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้มีการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว อาทิ มีการปรับปรุงระบบเงินเดือนและค่าตอบแทนครูให้สูงขึ้น โดยปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งในวุฒิปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ให้สูงขึ้นกว่าเดิม โดยภายใน 1 ม.ค. 2557 ผู้บรรจุในวุฒิปริญญาตรีจะได้รับเงินเดือนในอัตรา 15,000 บาท และให้มีการปรับชดเชยอัตราเงินเดือนของผู้อยู่ในระบบก่อนมีการปรับฐานเงินเดือนแรกบรรจุเพื่อความเสมอภาคและเป็นธรรม การพัฒนาระบบความก้าวหน้าของครู มีการยกร่างหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะโดยผูกไว้กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและให้ผู้ปกครองและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมิน แก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกตำแหน่ง ทุกสายงานให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรม กำหนดให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในสถานศึกษาและจิตอาสา นำผลการปฏิบัติงานมาใช้เป็นตัวชี้วัดประกอบการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนได้ การดูแลแก้ไขปัญหาหนี้สินครู มีการส่งเสริมความมีวินัยทางการเงินให้แก่ข้าราชการครู เป็นต้น นอกจากนั้น ยังจะมีการวางระบบและปรับปรุงกฎระเบียบหลักเกณฑ์และวิธีการต่างๆ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาดำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่จะทำโครงการกระทรวงศึกษาธิการไทย ใสสะอาด online casino slots
ดังนั้น ในโอกาสที่กระทรวงศึกษาธิการจะก้าวสู่ปีที่ 121 นี้ จึงขอให้เพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคน ร่วมแรงร่วมใจกัน มุ่งมั่น ผลักดันขับเคลื่อนภาระงานในหน้าที่ให้บรรลุผลสำเร็จตามกรอบแนวคิดในการพัฒนาการการศึกษาที่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดไว้ เพื่อเสริมสร้างอนาคตการศึกษาไทย และอนาคตของเด็กไทยให้มีคุณภาพสูงขึ้นเป็นที่ประจักษ์และยั่งยืนสืบต่อไป
ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 2 เม.ย. 2555