Accessibility Tools
หากบุคคลใดที่ตั้งมั่นอยู่ในความดี คิดดี กระทำในสิ่งที่ดี คงจะไม่กระทำสิ่งใดๆ อันจะนำไปสู่ความเดือดร้อนต่อตนเองและครอบครัว หรือผู้อื่นอย่างแน่นอน ในวันนี้จะได้พูดถึงโทษของข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาที่ปลอมลายมือชื่อบุคคลอื่นเพื่อไปหาผลประโยชน์ และเป็นอุทาหรณ์ในการประพฤติปฏิบัติตน กล่าวคือ
การปลอมเอกสารนอกจากเป็นความผิดทางอาญาแล้วยังเป็นความผิดทางวินัยด้วย การปลอมเอกสารมีได้หลายลักษณะได้แก่ การทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด มีการเติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง ประทับตราปลอมในเอกสารและที่พบกันมาก คือการลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร และการกรอกข้อความลงในกระดาษหรือวัตถุอื่นใดซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นอยู่ก่อนแล้ว โดยมีเจตนาที่จะนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
สำหรับการปลอมลายมือชื่อที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กระทำผิดวินัยกันมาก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการใช้สิทธิกู้เบิกจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จังหวัดต่างๆ ทั้งกู้สามัญและกู้ฉุกเฉิน
ในการขอกู้ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จะมีแบบฟอร์มที่เรียกว่า คำขอและหนังสือกู้เงินเพื่อเหตุฉุกเฉิน แบบคำขอนี้ผู้ใช้สิทธิกู้เงินจะเป็นผู้กรอกข้อมูลรายละเอียดและมีการกำหนดกติกา เงื่อนไข ข้อผูกพันไว้กับสหกรณ์ออมทรัพย์โดยแบ่งออกเป็นข้อๆ ในตอนท้ายสุดของหนังสือคำขอ ก็จะให้ผู้ใช้สิทธิขอกู้ลงลายมือชื่อ นอกจากนี้ยังต้องให้ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นลงลายมือชื่อพร้อมทั้งมีพยานลงลายมือชื่อรับรองด้วย ในขั้นตอนตรงนี้พบว่ามีการปลอมลายมือชื่อข้าราชการครู ซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูคนอื่นเป็นประจำ โดยการเขียนกรอกรายละเอียดระบุชื่อข้าราชการครูผู้อื่นซึ่งเป็นสมาชิก แล้วลงลายมือชื่อของสมาชิกผู้นั้น รวมทั้งลงลายมือชื่อในช่องของผู้บังคับบัญชาด้วย ซึ่งเป็นการปลอมลายมือชื่อของทั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้อื่น ซึ่งเป็นสมาชิกและผู้บังคับบัญชา แล้วนำหนังสือคำขอกู้เงินไปยื่นต่อสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ซึ่งทางสหกรณ์ครูจะใช้เวลาในการพิจารณาตรวจสอบไม่นานนัก ก็จะมีการอนุมัติเงินกู้ได้
ในกระบวนการปลอมลายมือชื่อในคำขอและหนังสือกู้เงินนี้ ผู้ที่ถูกปลอมลายมือชื่อจะถูกแอบอ้างหรือลักลอบ ใช้สิทธิขอกู้เงินจะไม่ทราบเรื่องนี้เลย จะมา ทราบก็ต่อเมื่อทางสหกรณ์ออมทรัพย์แจ้งใบเสร็จรับเงินที่หักจ่ายรายเดือนพร้อมทั้งใบรายการที่แสดงถึงรายรับ-รายจ่ายที่ทางโรงเรียนออกให้แต่ละเดือนที่เรียกว่าใบสลิปเงินเดือนนั่นเอง ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้เป็นสมาชิกจึงมักตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนพวกนี้เสมอๆ จึงต้องพึงระมัดระวังไว้ให้มาก
ท้ายที่สุดจึงอยากจะบอกกล่าวแก่เพื่อนข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ทั้งหลายว่า การปลอมลายมือชื่อผู้อื่นเพื่อไปขอกู้เงินฉุกเฉินหรือขอกู้ประเภทสามัญ ก็ตาม เป็นการปลอมลายมือชื่อผู้อื่น ไปหาประโยชน์ทั้งสิ้นในทางวินัยของข้าราชการถือว่าเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ระดับโทษทางวินัยถึงปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ ซึ่งเรื่องนี้ ก.ค.ศ. ได้วางแนวทางการพิจารณาโทษ ที่ข้าราชการครูกระทำผิดวินัย กรณีประพฤติชั่วโดยการปลอมลายมือชื่อของผู้อื่นไปหาประโยชน์ไว้แล้ว และยังคงใช้แนวทางนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติเกี่ยวกับการปลอมลายมือชื่อของผู้อื่นไปหาประโยชน์ว่าเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยให้ลงโทษอย่างน้อยปลดออกจากราชการ ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0505/ว 197 ลงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2548 เรื่องปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี กรณีการพิจารณาการกระทำผิดวินัยของข้าราชการในเรื่องการปลอมลายมือชื่อของผู้อื่นไปหาประโยชน์
จึงขอให้เพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่านได้ตระหนักและยึดมั่น ในความถูกต้อง อย่าได้กระทำการใดๆ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น นอกจากจะทำให้ตนเองและเพื่อนครูด้วยกันเดือดร้อนแล้วยังต้องรับโทษทางวินัย รวมทั้งอาจถูกดำเนินคดีอาญา มีโทษทั้งจำคุกและปรับอีกด้วยค่ะ
ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 9 เม.ย. 2555
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนินนอก ดุสิต กทม. 10300
Copyright © 2019 www.otepc.go.th