Accessibility Tools
สถานี ก.ค.ศ. ฉบับวันนี้จะได้พูดถึงเรื่อง ปัญหาที่พบจากการประเมินวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามที่ ก.ค.ศ.ได้ประกาศใช้หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะ ตาม ว 17/2552 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เป็นต้นมา ได้มีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษายื่นคำขอมีวิทยฐานะชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ และเชี่ยวชาญพิเศษ ในสายงานการสอน สายงานบริหารสถานศึกษา สายงานบริหารการศึกษา และสายงานนิเทศการศึกษาแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวกำหนดให้มีการประเมิน 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ด้านที่ 2 ด้านความรู้ ความสามารถ และด้านที่ 3 ด้านผลการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และส่วนที่ 2 ผลงานทางวิชาการ โดยในการประเมินวิทยฐานะชำนาญการ และชำนาญการพิเศษ ก.ค.ศ.ได้มอบให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา/ส่วนราชการ เป็นผู้ดำเนินการ สำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญและเชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงาน ก.ค.ศ.เป็นผู้ดำเนินการนั้น
เนื่องจาก สำนักงาน ก.ค.ศ.พบว่า การประเมินด้านที่ 1 และ ด้านที่ 2 ในทุกวิทยฐานะ ส่วนใหญ่มีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ ส่วน การประเมินด้านที่ 3 สำหรับวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ /ส่วนราชการได้รายงานผลการประเมินให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ทราบ ปรากฏว่าประมาณร้อยละ 80 มีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ แต่สำหรับการประเมินวิทยฐานะเชี่ยวชาญและเชี่ยวชาญพิเศษ ส่วนใหญ่ข้าราชการครูที่เสนอขอรับการประเมินจะไม่ผ่านการประเมินด้านที่ 3 โดยได้พบปัญหา ดังนี้
1.ข้าราชการครูอาจไม่ได้ศึกษาและทำความเข้าใจหลักเกณฑ์และวิธีการ รวมทั้งคู่มือการประเมิน ซึ่งจะมีรายละเอียดตัวชี้วัดต่างๆ อย่างชัดเจนให้เข้าใจก่อนยื่นคำขอรับการประเมิน จึงขาดการเตรียม ความพร้อมที่จะรับการประเมิน ทำให้ผลการปฏิบัติงานด้านที่ 3 ทั้ง 2 ส่วนไม่เป็นตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ.กำหนด
2.ก.ค.ศ.กำหนดให้ผู้ขอรับการประเมินวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ต้องเสนอผลงานวิจัย วิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ต้องเสนอผลงานวิจัยและพัฒนา สำหรับสายงานการสอนไม่ให้นำแผนการจัดการเรียนรู้มาเสนอเป็นผลงานทางวิชาการ (เนื่องจากได้ใช้ประเมินในด้านที่ 2 แล้ว) ซึ่งข้าราชการครูส่วนมากเสนอผลงานทางวิชาการให้ ก.ค.ศ.พิจารณา ไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่น เสนอผลงานวิชาการอื่นทั้ง 2 รายการ โดยไม่มีงานวิจัย หรือเสนอแผนการจัดการเรียนรู้เป็นผลงานทางวิชาการ เป็นต้น
3.การประเมินด้านที่ 3 ส่วนที่ 1 ผลการพัฒนาคุณภาพการปฏิบัติงานในทุกสายงาน พบว่า ข้าราชการครูรายงานผลการปฏิบัติงานตามแบบที่ ก.ค.ศ.กำหนด ส่วนใหญ่ข้อมูลที่รายงานมาจะมีผลการประเมินอยู่ในระดับคุณภาพ 4 เกือบทุกตัวบ่งชี้ แต่ผู้เสนอขอไม่ได้แนบข้อมูล/เอกสารหลักฐานที่จะนำมาสนับสนุนหรือยืนยันผลการรายงานดังกล่าวได้อย่างชัดเจน จึงทำให้ไม่สามารถให้คะแนนในข้อดังกล่าวได้ เช่น สายงานการสอน รายงานค่าทีเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนหลังเรียน อยู่ในระดับคุณภาพ 4
แต่ไม่ได้แนบหลักฐานผลการสอบนักเรียนก่อนเรียน-หลังเรียน แบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน การคิดคำนวณค่าทีเฉลี่ยก่อนเรียน-หลังเรียน หรือเอกสาร/หลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง มาเพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งสถานี ก.ค.ศ.ในฉบับหน้า สำนักงานจะได้นำเสนอตัวอย่างและปัญหาที่พบของสายงานบริหารสถานศึกษา ให้ผู้บริหารและเพื่อนครูได้รับทราบ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเสนอขอรับการประเมินเพื่อเลื่อนวิทยฐานะต่อไป แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ
ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 18 มิ.ย. 2555
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนินนอก ดุสิต กทม. 10300
Copyright © 2019 www.otepc.go.th