Accessibility Tools
ผลการประชุม ก.ค.ศ. ครั้งที่ 14/2561
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 14/2561 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561 ว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สำคัญ ดังนี้
1. ให้ยกเลิกการบันทึกประวัติการปฏิบัติงาน (Logbook) ในระบบโปรแกรม Microsoft Excel for Windows แต่ยังคงยึดหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู มีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.3/ว 21 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด โดยยังคงต้องมีหลักฐานชั่วโมงการปฏิบัติงาน ชั่วโมงการอบรมและพัฒนา และต้องผ่านการรับรองจากผู้อำนวยการสถานศึกษา
2. เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1) ระยะเวลาการพัฒนาไม่น้อยกว่า 30 วัน
2) หลักสูตรการพัฒนา ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 การเสริมสร้างสมรรถนะของตำแหน่ง (ไม่น้อยกว่า 10 วัน) ส่วนที่ 2 การเรียนรู้ในสภาพจริง (ไม่น้อยกว่า 15 วัน) และส่วนที่ 3 การจัดทำและนำเสนอแผนกลยุทธ์ในเขตพื้นที่การศึกษา (ไม่น้อยกว่า 5 วัน)
3) เกณฑ์การผ่าน ต้องมีระยะเวลาเข้ารับการพัฒนา ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 และต้องผ่านเกณฑ์ การประเมินผลการพัฒนาและเมื่อสิ้นสุดการพัฒนาในแต่ละส่วน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80
4) ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาร่วมกับสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา และอาจร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาหรือหน่วยงานอื่น
เพื่อดำเนินการจัดทำรายละเอียดหลักสูตรเสนอ ก.ค.ศ. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ แล้วดำเนินการพัฒนา และรายงานผลการดำเนินการพิจารณา ให้ ก.ค.ศ. ทราบ
3. เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1) ระยะเวลาการพัฒนาไม่น้อยกว่า 60 ชั่วโมง
2) หลักสูตรการพัฒนา ประกอบด้วย คุณลักษณะผู้อำนวยการสถานศึกษาที่พึงประสงค์ (ไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง) ภาวะผู้นำทางวิชาการ (ไม่น้อยกว่า 21 ชั่วโมง ) และการบริหารและจัดการในสถานศึกษา (ไม่น้อยกว่า 27 ชั่วโมง)
3) เกณฑ์การผ่าน ต้องมีระยะเวลาเข้ารับการพัฒนา ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 และต้องผ่านเกณฑ์ การประเมินผลระหว่างการพัฒนาและเมื่อสิ้นสุดการพัฒนา ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 โดยผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินต้อง เข้ารับการพัฒนาใหม่ทั้งหมด
4) ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา แล้วแต่กรณี กับสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนา โดยร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาหรือหน่วยงานอื่น และจัดทำรายละเอียดหลักสูตรตามขอบข่ายการพัฒนา เสนอ ก.ค.ศ. เพื่อทราบ แล้วดำเนินการพัฒนา และรายงานผลการดำเนินการพัฒนาให้ ก.ค.ศ. ทราบ
4. อนุมัติกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน ในสถานศึกษา
สังกัดสำนักงาน กศน. ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา (จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย) เพิ่มเติม จำนวน 140 อัตรา เพื่อให้การบริหารจัดการ การจัดการเรียนการสอนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะ เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและส่งผลต่อคุณภาพของนักเรียนนักศึกษาทั้งในและนอกระบบ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา ส่งเสริมให้เยาวชนทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมได้รับการบริการ ทางการศึกษาอย่างทั่วถึง
5. อนุมัติกรอบอัตรากำลังคณาจารย์ในสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคกลาง สาขาวิชาเทคโนโลยีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ต่อเนื่อง) จำนวน 5 อัตรา และสาขาวิชาเทคโนโลยีสัตวรักษ์ (ต่อเนื่อง) จำนวน 5 อัตรา
รวมทั้งสิ้นจำนวน 10 อัตรา เพื่อให้สามารถจัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี สายเทคโนโลยีหรือ สายปฏิบัติการในสาขาวิชาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. เร่งรัดการดำเนินการทางวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้พ้นจากราชการไปยัง ส่วนราชการ และหน่วยงานต่างๆ พร้อมทั้ง ให้รายงานมาตรการเพื่อให้แล้วเสร็จทันต่อระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ให้ความเห็นชอบ (ร่าง) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... มาตรา 102 ซึ่งเมื่อพระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ไม่มีบทเฉพาะกาล จะเป็นผลให้ไม่สามารถลงโทษข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ถูกดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง และพ้นจากราชการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด (3 ปี) และจากการสำรวจพบว่ามีหน่วยงานที่มีเรื่องการดำเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้พ้นจากราชการ จำนวน 85 หน่วยงาน และมีผู้ถูกดำเนินการ ทางวินัยทั้งสิ้น จำนวน 221 ราย
นางนภารัตน์ สัมพันธ์ภักดี ผู้ช่วยเลขานุการ
นายศรายุทธ มาทัพ หัวหน้ากลุ่มประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนินนอก ดุสิต กทม. 10300
Copyright © 2019 www.otepc.go.th